วาสนาได้แค่นี้ อังกฤษยังคงจะต้องพบกับอาถรรพ์จุดลูกโทษอีกทีเมื่อพวกเขาปราชัยให้กับอิตาลี

วาสนาได้แค่นี้ อังกฤษยังคงจะต้องพบ กับอาถรรพ์จุดลูกโทษอีกที เมื่อพวกเขาปราชัยให้กับอิตาลีสำหรับเพื่อการดวลจุดลูกโทษด้วยสกอร์ 3-2 ข้างหลังเสมอ 1-1 ในตอน 120 นาที ในเกมรอบชิงแชมป์ ศึกยูโร 2020 ที่สนามเวมบลีย์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฏาคมก่อนหน้าที่ผ่านมา โดยความหมดหวังในคราวนี้ทำให้ “สิงโตคำราม” จำต้องคอยแชมป์ระดับประเทศถัดไปอีก ภายหลังที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสมันมานาน 55ปี นับจากที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1966

11 ตัวจริง จอร์แดน พิคฟอร์ด : 7 ปฏิบัติภารกิจได้เยี่ยมที่สุดในครึ่งแรก มีจังหวะเซฟสวยๆจากการยิงของ เฟเดริเก๋ เคียซ่า ตอนช่วงหลัง ส่วนจังหวะถูกตีเสมอทำเป็นยอดเยี่ยมเมื่อปัดได้แม้กระนั้นบอลเจ้ากรรมดันชนเสาไปเข้าทาง

เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ที่สำคัญเซฟจุดลูกโทษจากการยิงของ อันเดรีย เบล็อตติเตียน กับ จอร์จินโญ่ คีแรน ทริปเปียร์ : 7 ผลงานยอดเยี่ยมจากการเปิดบอลที่ถูกต้องแม่นยำให้ ลุค ชอว์ ซัดประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม เกมรุกฝั่งขวาดุดัน ส่วนเกมรับก็แน่นแฟ้น

ไคล์ วอล์คเกอร์ : 7 ทำผลงานได้อย่างแน่นแฟ้นตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แมตช์นี้เล่นได้นิ่ง และก็คุมเกมยอมรับได้แน่นแฟ้น ช่วยทำให้เกมรุกของอิตาลีไม่อาจจะเจาะเข้ามารังแกในกรอบจุดโทษได้มากนัก บ้านผลบอลเมื่อคืน

วาสนาได้แค่นี้

การดวลจุดลูกโทษด้วยสกอร์ 3-2 ข้างหลังเสมอ 1-1 ในตอน 120นาที

วาสนาได้แค่นี้ จอห์น สโตนส์ : 7 เล่นได้แน่นแฟ้น โดยในครึ่งแรกจัดแจงเกมรุกของ อิตาลี อยู่มือ แม้กระนั้นในช่วงหลังเขามีส่วนในจังหวะที่ทำให้กลุ่มโดนตีเสมอ นอกเหนือจากนั้นยังพากเพียรขึ้นไปทำคะแนนในจังหวะได้ลูกเตะมุม

แล้วก็แทบสำเร็จ แต่ว่าโดน จานลุยจิ ดอนท้องนารุมม่า ปัดบอลออกไปได้เสียก่อน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ : 7 ตอนต้นเกมมีตื่นเต้นไปบ้าง แต่ว่าต่อจากนั้นก็เบาๆคืนฟอร์มเก่ง เล่นได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกกลางอากาศ

นับว่าเป็นหัวใจเกมรับของ อังกฤษ อย่างแท้จริง ลุค ชอว์ : 8 เล่นได้เหมาะสมที่สุดยอดเยี่ยมตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบเกม ช่วยทำให้กลุ่มขึ้นนำจากการยิงสุดสวย มีจังหวะเปิดบอลกดดันแนวรับอิตาลี ตลอด ขึ้นเกมบุกฝั่งซ้ายได้น่าสยอง มีวินัยในการเล่นเกมรับ

คัลวิน ฟิลลิปส์ : 7 ประสานงานกับ เดแคลน ไรซ์ ได้อย่างพอดีในแดนกลาง คุมจังหวะเกมและก็บดขยี้แผงกองกลางอิตาลีไม่ให้เล่นได้ง่าย เพียรพยายามช่วยดันเกมรุก มีจังหวะยิงไกลบอลพุ่งแรงแต่ว่าแนวทางจำต้องแก้ไข

เดแคลน ไรซ์ : 8 คุมเกมได้ดีปฏิบัติภารกิจเชื่อมเกมกับแนวรับ และก็แดนหน้า วิ่งตามบีบคั้นไม่ให้นักฟุตบอลอิตาลีได้ทำเกมถนัด เต็มไปด้วยกำลัง และก็รับผิดชอบหน้าที่ของตนได้อย่างยอดเยี่ยม

เมสัน เม้าน์ (แจ็ค กรีลิช น.99) : 5 ถูกจับไปเยี่ยมขอบเส้นฝั่งซ้าย และก็รอติดต่อประสานงานกับ ชอว์ ในตอนต้นเกม แต่ว่าไม่มีหน้าที่อะไรกับเกมรุกของ อังกฤษ มากเท่าไรนัก คงจะช่วยคุ้มครองป้องกันได้ดีมากว่านี้ในจังหวะที่โดนตีเสมอ

แฮร์รี่ เคน : 7 เพียรพยายามลงมาล้วงลูกต่ำ รวมทั้งฉีกหนีการเกาะติดติดของ 2 กองหลังตัวกลาง จอมเก่า มีส่วนในจังหวะที่ทีมได้ประตู เมื่อลงมารับบอลเกือบจะครึ่งสนามก่อนที่จะส่งให้ ทริปเปียร์

ซึ่งเปิดบอลให้ ชอว์ ซัดประตู วิ่งไปรับบอลเพื่อหาช่องเปิดให้เพื่อนฝูงทำแต้มตลอดระยะเวลา ราฮีม สเตอร์ลิง : 6 ความเร็วกับความคล่องตัวดูเหมือนจะอันตรายกับเกมรับของอิตาลี แต่ว่าต่อจากนั้น

ประสบการณ์ของ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ จัดแจง สเตอร์ลิง อยู่มือ ผู้เล่นสำรองที่ลงในสนาม บูกาโย่ ซาก้า (แทน คีแรน ทริปเปียร์ น.70) : 5 คาดหมายจะได้ใช้ความเร็วลงมาปั่นป่วนเกมรับอิตาลี ที่กำลังเมื่อยล้า

แต่ว่าแปลงเป็นว่าไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากนัก ที่สำคัญยังเล่นด้วยอาการตื่นเต้นอีกต่างหาก แถมพลาดจุดลูกโทษนับว่าเป็นเกมที่น่าผิดหวังสำหรับเจ้าตัวจริงๆ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (แทน เดแคลน ไรซ์ น.74) : 6

กัปตันทีมลิเวอร์พูล มีชอตเด็ดจังหวะทิ่มแทงบอลให้ สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปในจุดโทษ แต่ว่าส่าเสียดายที่สตาร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่สามารถที่จะทำจังหวะนี้ให้กำเนิดผลดี ส่วนเกมแดนกลางก็ทำเป็นตามหน้าที่แม้กระนั้นไม่มีอะไรโดดเด่นมากสักเท่าไรนัก

แจ็ค กรีลิช (แทน เมสัน เม้าน์ น.99) : 6 ในระหว่างที่ถูกส่งลงไปในสนามผลงานออกจะหวือหวามีจังหวะต่อบอลกับ ซาก้า ในจุดโทษ แม้กระนั้นต่อจากนั้นก็เกือบจะไม่มีจังหวะสร้างสรรค์เกมอะไรเลย

เจดอน ซานโช่ (แทน ไคล์ วอล์คเกอร์ น.120) : 2 ลงมาเพื่อหวังยิงจุดลูกโทษ แม้กระนั้นเปลี่ยนเป็นทำผิดพลาดมหันต์ มาร์คัส แรซฟอร์ด (แทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น. 120) : 3

เด่นกว่า ซานโช่ ตรงที่จำต้องลงสู่สนามพร้อมทั้งยืนเป็นตัวบุกปีกขวาต้องเนื่องด้วยทีมกำลังตั้งรับ แม้กระนั้นในที่สุดแปลงเป็นคนแรกที่ยิงจุดลูกโทษพลาดๆทั้งที่ เซาธ์เกต ตั้งมั่นส่งลงมาเพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้แท้ๆ อัลมิร่อนซัดโทษ